15. คาร์ลอส ดุงก้า
Cannes - Sagatiba 'Pure Spirit of Brasil'
ในอดีต ดุงก้า เป็นผู้เล่นที่ถูกสื่อต่าง ๆ วิจารณ์อย่างหนักว่าเขานั้นไม่ได้มีฝีเท้าดีพอที่จะติดทีมชาติบราซิลเลยด้วยซ้ำ
แต่แล้วด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะพัฒนาตัวเอง ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันของ เซเลเซา และพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากห่างหายไปนานถึง 24 ปี
14. ไอลตัน
Stuttgart v Bremen
สตาร์ชาวบราซิลคนนี้ แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในศึกบุนเดสลีกากับทีมอย่าง เวรเดอร์ เบรเมน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาถูกมองว่าจะล้มเหลวในอาชีพนักฟุตบอล เพราะมีร่างกายที่อ้วนเกินไป
แต่หากใครได้เห็นลีลาของเขาแล้วล่ะก็พูดได้คำเดียวว่า “นี่มันอ้วนพริ้วชัด ๆ”
13. โธมัส เฮลเวก
Thomas Helveg
เฮลเวก เคยค้าแข้งอยู่กับ อูดิเนเซ ที่มี อัลแบร์โต ซัคเคโรนี เป็นกุนซือ และจากนั้นเขาก็ย้ายตามนายเก่ามาอยู่ที่ มิลาน ในปี 1998 พร้อมกับคำครหาว่าเป็นเด็กเส้น
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็พิสูจน์ว่าตัวเองนั้นมีดีพอและช่วยทีมปีศาจแดงดำคว้าได้ทั้งแชมป์ลีกในปี 1999 รวมถึงดับเบิ้ลแชมป์ในปี 2003 (โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟา แชมเปียนส์ลีก)
12. เลส เฟอร์ดินาน
Alan Shearer and Les Ferdinand
อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษคนนี้ เริ่มค้าแข้งมากับทีมอย่าง ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส แต่เขาต้องใช้เวลานานถึง 6 ฤดูกาลกว่าจะคลำหาประตูแรกของตัวเองเจอ ซึ่งระหว่างนั้นก็โดนดูถูกต่าง ๆ นานาว่าไม่เก่งพอที่จะเล่นในลีกสูงสุดเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ฟุตบอลอังกฤษ เปลี่ยนชื่อ ดิวิชั่น 1 เป็น พรีเมียร์ลีก แล้ว ฟอร์มของ เฟอร์ดินานด์ ก็ดูเหมือนจะพลิกผันตามไปด้วย เพราะหลังจากนั้นเขาก็ซัลโวประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนกระทั่งได้ไปเป็นคู่หูของ เชียร์เรอร์ ทั้งในทีมชาติอังกฤษ และนิวคาสเซิล
11. เดมบ้า บา
Chelsea v Stoke City - FA Cup Fourth Round
สไตรเกอร์ทีมชาติเซเนกัลอย่าง บา เคยต้องตกระกำลำบากมาก่อนในช่วงที่เขาพยายามจะหาทางมาเล่นฟุตบอลในยุโรปใหม่ ๆ เพราะต้องตระเวณทดสอบฝีเท้าไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ตัวเองไม่ค่อยจะเหลือเงินทองไว้ประทังชีวิต
บา ต้องทนทุกข์อยู่กับการถูกปฏิเสธมาอย่างยาวนาน จนในที่สุดเขาก็ได้เล่นฟุตบอลในยุโรปสมใจก่อนจะย้ายมาโด่งดังกับ เชลซี ซึ่งพลิกชีวิตเขาได้ในที่สุด
10. พอล แลมเบิร์ต
FUSSBALL: 1. BUNDESLIGA 97/98 BORUSSIA DORTMUND 04.10.97
ในปี 1997 สมัยที่ แลมเบิร์ต ยังเล่นให้กับดอร์ทมุนด์อยู่นั้น ทีมของเขาสามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ โดยมีคู่แข่งสุดท้ายคือ ยูเวนตุส
แลมเบิร์ต เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่จะต้องดวลกับ ซีดาน โดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าเขาโดนคำครหาโจมตีว่ากระจอกเกินไปจะเอาสตาร์ม้าลายอยู่
แต่สุดท้าย อดีตกุนซือแอสตัน วิลลา คนนี้แหละที่จัดการเก็บเอาเจ้าชิซูแพ็คใส่กระเป๋าจนหายไปแทบตลอดทั้งเกม พร้อมกับจบลงด้วยชัยชนะของ ดอร์ทมุนด์ ด้วยสกอร์ถึง 3-1 เลยทีเดียว
9. ซามูเอล เอโต้
Fussball: Confederations Cup 2003
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เอโต้ ที่โด่งดังสุด ๆ สมัยอยู่กับ บาร์เซโลนา นั้นเคยเป็นเด็กปั้นในทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด มาก่อน
แต่ด้วยความที่ทีมชุดขาวมองว่าเขาเป็นกองหน้าดาด ๆ ที่ไม่มีจุดเด่นอะไรจึงปล่อยทิ้งไป ซึ่งอย่างที่รู้กันดีคือสไตรเกอร์ชาวแคเมอรูน คนนี้ กลายมาเป็นดาวยิงโคตรอันตรายที่กองหลังทั่วโลกหวาดผวาได้ในท้ายที่สุด
8. ร็อบบี คีน
Robbie Keane
คีน เป็นนักฟุตบอลที่โด่งดังมาตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเขาเคยสร้างชื่อมากับทั้งทีมอย่าง วูล์ฟแฮมตัน และ โคเวนทรี
อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เคยบอกเอาไว้ว่าจอมรัวปืนกลคนนี้ไม่เก่งพอที่จะเข้ามาเป็นผู้เล่นของยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขาย้ายไปเล่นที่ อินเตอร์ มิลาน และกลับมาดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้งในอังกฤษกับทีมอย่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส
7. เดวิด เบ็คแฮม
David Beckham
ในช่วงกลางของยุค 90 เกล็น ฮอดเดิล ตำนานทีมชาติอังกฤษ ได้เคยบอกเอาไว้ว่า ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน จะเป็นผู้เล่นในตำแหน่งปีกขวาที่ดีที่สุดของ อังกฤษ ไปอีกยาวนานหลายปี พร้อมกับบอกอีกว่า เดวิด เบ็คแฮม จะต้องตกอยู่ภายใต้เงาของ ปีกกระดูกยุง จากสเปอร์ส คนนี้
แต่หลังจากนั้นไม่นาน แอนเดอร์ตัน ก็โดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนไม่สามารถกลับมาคืนสู่ฟอร์มที่ดีได้อีก ขณะที่ เบ็คแฮม พัฒนาฝีเท้าจนกลายมาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีทีสุดในโลก แถมยังได้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษเสียด้วย
6. แกเร็ธ เบล
St. Patrick's Athletic v Tottenham Hotspur
“เจ้าเห้งเจีย” ตัดสินใจย้ายตัวเองออกจากถิ่นนักบุญมาอยู่กับ สเปอร์ส เมื่อปี 2007 พร้อม ๆ กับคำพูดดูถูกว่าเป็นนักเตะที่ไม่เก่งจริง และไม่คุ้มกับค่าตัว 5 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ เพราะในช่วง 10 เกมแรกเขาหลุดฟอร์มจนน่าเขกกะโหลกจริง ๆ
แต่หลังจากที่ เบล ค้นพบเส้นทางของตัวเองแล้ว เขาก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนกลายเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ และย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 85.3 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
5. แฟรงค์ แลมพาร์ด
Frank Lampard
อดีตมิดฟิลด์ดาวรุ่งของทีมขุนค้อน เวสต์แฮม คนนี้ ย้ายมาอยู่กับ เชลซี เมื่อปี 2001 ซึ่งเขาถูกวิจารณ์อย่างเสีย ๆ หาย ๆ ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงเล่นให้ทีมใหม่เลยด้วยซ้ำว่าทำไมทีมต้องยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อนักเตะที่มีดีแค่เคาะบอลคืนหลังมาเข้าทีม
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหมีพูห์ ก็พิสูจน์ตัวเองว่าเขานั้นดีพอที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก และเล่นให้ทีมมายาวนานถึง 13 ปี จนกลายเป็นหนึ่งตำนานของสโมสรได้ในที่สุด
4. ดิดิเยร์ เดชองส์
Didier Deschamps
ไม่ว่าอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสคนนี้จะเคยสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมจนประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายกับ ยูเวนตุส ขนาดไหน แต่เขาก็ยังโดนดูถูกจากรุ่นพี่คนชาติเดียวกันอย่าง เอริค คันโตนา อยู่ดี
ก็องโต เคยบอกว่า เดชองส์ เป็นได้แค่เด็กเก็บบอลของ ซีดาน ในทีมม้าลายเท่านั้น และจะไม่มีวันดีได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่อีกไม่กี่ปีต่อมา เขาก็จัดการแหกหน้ารุ่นพี่ด้วยการเป็นกัปตันทีมชาติในชุดแชมป์โลกปี 1998 นั่นเอง
3. ฟิลิปโป อินซากี้
FUSSBALL: CHAMPIONS LEAGUE 02/03 BORUSSIA DORTMUND - AC MAILAND ;
เจ้าปิ๊บโป้ เป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่เคยโดนดูถูกเอาไว้ในสมัยเล่นอยู่ในทีม ยูเวนตุส โดยครั้งนี้ เป็นคำพูดของตัวเทพอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่กล่าวเอาไว้หลังจากย้ายไป เรอัล มาดริด ในปี 2001
โดย ชิซู ได้กล่าวว่า นักเตะที่ใช้โอกาสเปลืองโคตรอย่าง อินซากี้ ไม่สมควรที่จะได้เป็นตัวจริงให้กับ ยูเวนตุส เลยแม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากนั้น พี่กุ้งก็ย้ายไปอยู่กับ มิลาน ก่อนจะยิงได้เป็นกอบเป็นกำจนกลายเป็นหนึ่งตำนานของทีมไปเรียบร้อย
2. เจนนาโร กัตตูโซ
FC Schalke 04 v AC Milan
ในช่วงปี 90 นั้น กัตตูโซ ยังเป็นนักเตะเกรดกลาง ๆ ที่ทำผลงานได้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่กับทีมอย่าง เปรูจา, เรนเจอร์ส และ ซาแลนิตานา จนทีมมหาอำนาจของยุคอย่าง ยูเวนตุส เคยบอกเอาไว้ว่าเขาไม่ใช่กองกลางที่มีฝีเท้าดีเด่อะไร
แต่หลังจากนั้น เอซี มิลาน ก็ดึงตัวเขาไปร่วมทีม พร้อมกับให้โอกาสจนเจ้ากั๊ตจังกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกไปแล้วตอนนี้
1. โคลด มาเกเลเล
Fulham v Chelsea
ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ได้กล่าวเอาไว้ว่า มาเกเลเล ไม่ใช่นักเตะที่ดีพอจะอยู่ในทีมชุด กลาติกอส ของเขา จึงไม่ยอมขึ้นค่าเหนื่อยให้ตัวนักเตะจนเขาย้ายหนีออกไปอยู่กับ เชลซี
ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่ทราบกันดีคือ มาดริด ยุคนั้นถึงกับเล่นฟุตบอลไม่เป็นทรง ขณะที่ เชลซี ซึ่งมี มาเกเลเล คุมแดนกลาง กลายเป็นโคตรทีมที่จะหาคนมาล้มได้ยากอย่างยิ่งทีเดียว
ที่มา : http://www.90min.com/th/posts/2577755
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment